กาญจนบุรี – ผบช.ภาค 7 ลงพื้นที่แถลงข่าวจับกุมมือมีดแทงสาวใหญ่เสียชีวิต คาบ้านพักคนงานกลางสวนอินทผลัมตามข่าวเสนอไปแล้วจากกรณีที่มีมือมีดก่อเหตุบุกกระหน่ำแทงหญิงวัย 55 ปี เสียชีวิตคาบ้านพักคนงานกลางสวนอินทผลัมในตำบลหนองขาว ลูกผู้เสียชีวิตเผยเห็นคนร้ายเป็นชายสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าวิ่งฝ่าความมืดออกไปหลังก่อเหตุ เหตุเกิดเมื่อ 19 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมาตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับคนร้ายได้ ผบช.ภาค 7 ลงพื้นที่แถลงข่าวด้วยตนเอง ผบช.ภาค 7 บอกว่าได้กำชับ จนท.ในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อเกิดเหตุต้องดำเนินการให้ได้ตัวผู้กระทำผิดให้ได้อย่างรวดเร็ว
ล่าสุดวันนี้ 30 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรหนองขาว พลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, พลตำรวจตรีบุญฤทธิ์ รอดมา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และ พลตำรวจตรีปรัชญา ประสานสุข รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พันตำรวจเอกมนตรี แตงโต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหนองขาว, พันตำรวจโททิวา ภิรมย์เจียว รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองขาว และ พันตำรวจโทชาติชาย กาญจนภูสิต รองผู้กำกับการสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองขาว ร่วมแถลงจับกุมผู้ต้องหา นายซาง ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา อายุ 39 ปี ในความผิดฐาน “ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” พร้อมด้วยของกลางในคดี หลังคนร้ายหลบหนีไปกลบดานที่ ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร
พลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยว่า ตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมกับกองบังคับการสืบสวนตำรวจภาค 7 ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และสถานีตำรวจภูธรหนองขาว ร่วมกันจับกุมคนร้ายคดีฆ่าสาวเมียนมาคาห้องพักในสวนอินทผลัม โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 02.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหนองขาว ได้รับแจ้งว่า มีเหตุ คนร้ายใช้อาวุธแทงนาง เอไข่ หรือน้อย ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา ถึงแก่ความตายแล้วหลบหนีไป ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สืบสวนทราบว่า คนร้ายคือนายซาง ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นหลานของนายวินฯ (สามีเก่าของนางน้อยฯ) จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้นำคำร้อง ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอหมายจับ และศาลฯได้ ออกกหมายจับที่ 317/2565 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ซึ่งต้องหาว่า “ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
โดยหลังเกิดเหตุได้สืบทราบมาว่า นายซางฯได้หลบหนีไปซุกช่อนอยู่ ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ออกสืบสวนติดตามนายซางๆมาสอบถาม ยอมรับว่านายวิน ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นน้าของตน ได้แจ้งให้ทราบว่านายวินฯ ได้อยู่กินเป็นสามีภริยา กับนางน้อย (ผู้ตาย) แต่เมื่อเลิกรากัน ก็ไม่ได้แบ่งทรัพย์สินที่ร่วมกันหามาได้กับนายวินฯ นายซางฯจึงโกรธแค้นจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 นายซางฯ จึงได้ยืมรถจักรยานยนต์ (ของกลาง) มาจากนายวินฯ แล้วขับขี่มาจอดแล้วนั่งพักอยู่บริเวณในป่า หลังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
จนกระทั่งค่ำ จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปจอดบริเวณใกล้เคียงสวนอินทผลัม ที่เกิดเหตุ และได้เดินไปแอบดูบริเวณห้องพักของนางน้อยฯ ถึง 3 ครั้ง ว่านางน้อยฯเข้านอนหรือยัง เมื่อนางน้อยฯเข้านอนแล้ว จึงได้ถืออาวุธปลายแหลมคล้ายเหล็กขูดชาร์ป (ของกลาง) ที่พกติดตัวมาด้วยแทงที่บริเวณลำคอ ลำตัวข้างซ้าย และเหนือราวนมข้างซ้าย จนนางน้อยฯเสียชีวิต นายลัก ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา (บุตรของผู้ตาย) มาเห็นนายซางฯ จึงไล่จะทำร้าย นายลักฯได้วิ่งหลบหนีไป นายซางฯ จึงได้กลับไปหยิบกระเป๋าสะพายของนางน้อยฯ ซึ่งมีทรัพย์สินซุกช่อนอยู่ติดไปด้วย แล้วออกมาขับขี่รถจักรยานยนต์ (ของกลาง) หลบหนี เมื่อขับขี่มาถึงบริเวณสระน้ำหมู่ที่ 6 ตำบลหนองขาว ข้างวัดเขาเม็งค์ ได้โยนอาวุธปลายแหลมคล้ายเหล็กขุดชาร์ป ทิ้งในสระน้ำ แล้วขับขี่ไปถึงป่าบริเวณป่า หลังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี และได้ค้นกระเป๋าสะพายของนางน้อยฯ พบเงินสดจำนวนหนึ่งจึงได้นำไปใช้สอย และพบเอกสารของนางน้อยฯ จึงได้รวบรวมเอกสาร, เสื้อ, หมวกคลุมที่ใส่ในขณะก่อเหตุ ใส่ไปกระเป๋าสะพายสีชมพูของผู้ตาย พร้อมทั้งนำก้อนปูนใส่ และนำไปถ่วงน้ำที่ บ่อน้ำบริเวณหลังห้างสรรพสินค้าดังกล่าว แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปหานายวินฯ ที่บ้านพัก ในตำบลกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม แต่ไม่พบนายวินฯ จึงได้จอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้
จากนั้นนายซางฯจึงได้เดินทางไปยังบ้านพักที่ ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปติดตามนายซางฯ มาสอบถามได้ยอมรับว่า ได้กระทำผิดในครั้งนี้ และได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปชี้จุดที่ซุกช่อน ทรัพย์สินที่ได้ใช้ และได้มาจากการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงหมายจับให้นายซางฯ ดู ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และยังไม่เคยถูกจับกุมตัวมาก่อน พร้อมทั้งแจ้งสิทธิให้ทราบ และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนประจำสถานีตำรวจภูธรหนองขาว เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี