จ.มุกดาหารฯ ประชุมเตรียมความพร้อมรับเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ ศูนย์การเรียนรู้ตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เมื่อเข้าวันนี้ 16พ.ค.66 ณ ห้องประชุมแก้วกินรี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายวรรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุม ส่วนราชการ มณฑลทหารบกที่ 210 ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดหาร ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้อง เตรียมการรับเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กำหนดเสด็จพระราชดำเนินทรงติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ศูนย์การเรียนรู้ตำรวจตระเวนชายแดนใต้ร่มพระบารมี ธอส.อุปถัมภ์ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ในวันที่ 13 มิถุนายน 2566 โดยศูนย์การเรียนรู้ตำรวจตระเวนชายแดนใต้ร่มพระบารมี ธอส.อุปถัมภ์) อยู่ในสังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 เพื่อให้การเตรียมความพร้อมรับเสด็จฯ ด้าน สถานที่ การถวายความปลอดภัย ความพร้อมด้านต่าง ๆ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ
สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนใต้ร่มพระบารมี ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านใต้ร่มพระบารมี หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านค้อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร เป็นชุมชนที่ราษฎร์ได้อพยพออกมาจากพื้นที่ของเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูศรีฐาน ตามประกาศจังหวัดมุกดาหาร วันที่ 4 มีนาคม 2552 ซึ่งทางโรงเรียนฯ ดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 เป็นต้นมา ได้ดำเนินกิจกรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชนตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2560-2569 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ตี โดยได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างสมดุลในด้านพุทธศึกษา จริยศึกษาหัตถศึกษา และพลศึกษา ด้วยกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติ มีความรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ ภาคภูมิใจในความป็นไทย และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติ เพื่อขยายการพัฒนาจากโรงเรียนสู่ชุมชน ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ ครอบครัวและชุมชนเกิดการพัฒนา ช่วยเหลือสนับสนุนการพัฒนาเด็กและเยาวชนและโรงเรียนไป พร้อม ๆ กันเพื่อผลักตันให้สถานศึกษาพัฒนาเป็นศูนย์บริการความรู้ สามารถถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการพัฒนาให้กับผู้ปกครอง ชุมชน และสถานศึกษาหรือองค์กรอื่น ๆ ทั้งจากภายในประเทศและจากต่างประเทศ เพื่อนำไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละที่ สร้างความร่วมมือและเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างประเทศ