จ.สุรินทร์ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบ.ภ. จว.สุรินทร์ สั่งการ กรณีเหตุอุจฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ กรณีคนร้ายร่วมกันลักพาตัวและกรรโชกทรัพย์ นายตระการ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 00.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ จากนายชนวีร์ แสนกล้า อายุ 20 ปี ที่อยู่ 40 ม.8 ต.กาเกาะ อ.เมือง จ.สุรินทร์ แจ้งว่าระหว่างที่ผู้แจ้งขายใบกระท่อมอยู่กับนายตระการ โภชน์สาลี อยู่ที่ร้าน ภายในซอยตาทิพย์ 2 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อเวลาประมาณ 23.20 น. ได้มีรถ ISUZU Cab สีดำ ทะเบียนฉะเชิงเทรา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับมาจอดที่หน้าร้าน พร้อมด้วยชายประมาณ 3 คน สวมแมสปิดบังใบหน้า ลงจากรถ 2 คน เข้าหาตัวนายตระการ พาขึ้นรถโดยไม่แสดงตน แต่มีการแต่งกายในลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ดึงแขนนายตระการ ขึ้นรถยนต์คันดังกล่าว มีชายหนึ่งคนพูดว่าให้ตามไปที่กรุงเทพฯ อ้างว่าเป็นคนของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง โดยไม่บอกกล่าวแจ้งข้อหาใดๆให้ทราบ ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ และมีจุดประสงค์ใด ผู้แจ้งพร้อมแฟนสาวของ นายตระการจึงเข้ามาพบพนักงานสอบสวน แจ้งความให้ดำเนินการติดตามเนื่องจากเกรงว่านายตระการ จะได้รับอันตราย ตาม ปจว. สภ.เมืองสุรินทร์ ลำดับ 1 ลงวันที่ 11 มิ.ย.67 เวลา 00.47 น. ต่อมา เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ พบชายวัยรุ่น จำนวน 3 คน ได้นำตัว นายตระการ ขึ้นรถยนต์กระบะ แค็ป สีดำ ที่หน้าร้านจำหน่ายใบกระท่อมดังกล่าวเมื่อเวลา 23.21 น. จริง จากนั้น น.ส.ปาณิสรา สุระชาติ แฟนสาวนายตระการ แจ้งว่า มีหมายเลขโทรศัพท์ 063-6056305 หมายเลขโทรศัพท์ของ นายกริชชัย ผู้ต้องหาที่ 2 เมื่อเวลา 00.20 น. โทรเข้ามายังเครื่องโทรศัพท์ของ น.ส.ปาณิสรา โดยมี นายตระการ เป็นผู้สนทนาแจ้งกับ น.ส.ปาณิสรา ว่าให้ตน ขับรถติดตาม GPS ในเครื่องไอแพด ที่นายตระการ ได้นำติดตัวไป โดย น.ส.ปาณิสรา ได้เข้าระบบไว้ในโทรศัพท์ของตน จึงสามารถทราบถึง พิกัด ตำแหน่ง ว่านายตระการ อยู่บริเวณแยกหนองเต่า ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ จากนั้น กลุ่มผู้ก่อเหตุได้สนทนาผ่านแอพพลิเคชั่น Facebook ของนายตระการ ว่าให้โอนเงินมายังหมายเลขบัญชีธนาคารกสิกร 1233097779 ชื่อบัญชี ด.ช.ประสิทธิภาพ นามสมมุติ ผู้ต้องหาที่ 3 จำนวน 1 ล้านบาทแต่ นายตระการ แจ้งว่าไม่มีเงินให้จากนั้นได้ต่อรองเหลือจำนวน 5 แสนบาท เพื่อให้แลกกับการปล่อยตัวนายตระการ แต่ น.ส.ปาณิสรา แจ้งว่าไม่มีเงินโอนและจะจ่ายเป็นเงินสด กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงแจ้ง น.ส.ปาณิสรา ให้นำเงินสด 5 แสนบาท ไปให้กลุ่มผู้ก่อเหตุที่ ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต อ.รังสิต จ.ปทุมธานี และเรียกเงินจากนายตระการ เพิ่มจำนวน 5 หมื่นบาท โดยแจ้งว่านายตระการ ได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่แต่ น.ส.ปาณิสรา ไม่ได้โอนให้กลุ่มผู้ก่อเหตุแต่อย่างใดจากการตรวจสอบสัญญาณ GPS เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. พบว่าอยู่บริเวณ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ บนถนนหมายเลข 24 มุ่งหน้า จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ จึงได้จัดกำลังติดตามจับกุมตัวโดยทันที ได้ออกเดินทางติดตามอย่างต่อเนื่อง และได้ประสานตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ชุด ส.ทล.1 กก.6 บก.ทล. เพื่อให้สกัดจับ และได้แจ้งตำแหน่งพิกัด GPS ของนายตระการให้ทราบเป็นระยะ และตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ได้รีบออกติดตามรถคันดังกล่าว เมื่อมาถึงบริเวณถนนมิตรภาพ ทล.2 กม.50 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขาเข้า กทม. พบรถกระบะอีซูซุ ดีแม็ค สีดำ ทะเบียน บว 6318 ฉะเชิงเทรา จึงเรียกให้หยุดเพื่อทำการสอบถาม แต่กลับขับรถหลบหนี จึงไล่สกัดจับ จนกระทั่งจับได้ เบื้องต้น 1. นายตระการ โภชน์สาลี อายุ 23 ปี ผู้ถูกลักพาตัวมาจาก จ.สุรินทร์ 2. นายบรรณสิทธิ์หรือ อาร์ม วงษ์นาค อายุ 26 ปี อ้างว่า เป็นกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องของผิดกฎหมาย ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้นำตัวนายตระการ ขึ้นรถไป 3. นายกริชชัย หรือ อ้อ สุวรรณกิจ อายุ 26 ปี คนขับรถ ผู้ต้องหาที่ 2 4. นายประสิทธิภาพ หรือ วา สุขสมกิจ อายุ 16 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 จากการตรวจค้นพบ อาวุธปืน อัดแก๊ส รูปทรง กล็อค 19 จำนวน 1 กระบอก วางอยู่ที่วางเท้าฝั่งนั่งข้างคนขับใต้ขา นายบรรณสิทธิ์ หรืออาร์ม วงษ์นาค ผู้ต้องหาที่ 1 และนายบรรณสิทธิ์ รับว่าปืนอัดแก๊สดังกล่าวเป็นของตนและได้นำออกขู่ให้นายตระการ เกิดความกลัว และโทรศัพท์มือถือ อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงด้านขวา ของนายบรรณสิทธิ์ และพบโทรศัพท์มือถือ อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขาว ของนายกริชชัยฯ ผู้ต้องหาที่ 2 และรับว่าเป็นโทรศัพท์ที่ตนได้ให้นายตระการฯ โทรติดต่อยังโทรศัพท์ของ น.ส.ปาณิสรา จริง และพบโทรศัพท์มือถืออยู่ในกระเป๋ากางเสื้อหน้าอกด้านซ้ายของนายประสิทธภาพ ผู้ต้องหาที่ 3 จึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทั้งสามให้ทราบว่า กระทำผิดฐาน 1.ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ป.อาญา ม 337 ,802.ร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด ป.อาญา ม.313 3 3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ป.อาญา ม. 3104.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ป.อาญา ม.309 จากการสอบถาม นายตระการ แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 23.20 น. วันที่ 10 มิ.ย.67 ได้มีชาย 3 คน มาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง มาตรวจสอบเรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ทราบว่า ตนแอบขายใบกระท่อม จึงมาหาที่หน้าร้าน และขู่ว่าถ้าไม่อยากให้ถูกดำเนินคดี ต้องจ่ายเงินหนึ่งล้านบาท ตนไม่มีเงิน มีเพียงห้าแสนบาท หากจะเอาต้องมาเอาเงินสดที่แฟนสาว แต่กลุ่มชายดังกล่าวไม่ยอม กระชากแขนตนขึ้นรถ จะลักพาตัวไปที่ กทม.กลุ่มคนร้ายยังใช้โทรศัพท์มือนายตระการฯ ส่งข้อความไปหาแฟนสาวนายตระการฯ ข่มขู่ว่าจะทำร้ายนายตระการฯ หากไม่ส่งเงินให้ พร้อมส่งเลขบัญชีให้ ก่อนที่ทางแฟนนายตระการฯ จะเข้าแจ้งความ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ตรวจพบก่อนควบคุมตัวทั้งหมดส่งสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าว ได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันในพื้นที่ อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ แต่ยังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดี
ทีมข่าวภูธรออนไลน์ รายงาน