น่าน หน่วยปฏิบัติการพิเศษ พญาเสือ ตรวจยึดจับกุมขบวนการไม้ชิงชันข้ามชาติยึดทึ่อำเภอปัวของกลางเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง นายชัยชาญ ศรียงค์ หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ พญาเสือ นายสมเกียรติ อาจสังข์ นายอำเภอปัว นายจีระ ทรงพุฒิ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ นายลอย ใจจูน ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้น่าน นายมนตรี พลภักดี หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 6 ปัว นายณัฐชนน คนสูง หน.ชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้น่าน นายฉัตรชัย โยธาวุธ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ หน่วยเฉพาะกิจปฎิบัติการพิเศษ พญาเสือ สปป3 ภาคเหนืออช.ดอยภูคา,ชุดสืบสวน สภ.ปัว กก.4 บก.ปทส. ชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้ แพร่ น่าน ศปทส.ตร.
ตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงกำลัง อส.อ.ปัว ทำการตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ โดยดำเนินการ 1.ตรวจยึดไม้ชิงชันแปรรูป จำนวน 124 แผ่น เหลี่ยม ปริมาตร 5.85 ลบ.ม. ไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 107 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 5.43 ลบ. จับกุมตัวผู้กระทำผิดในที่เกิดเหตุ จำนวน 6 คน คือ นายสมพงศ์ จิตอารีย์ อายุ 65 ปี เจ้าของโกดัง นายชำนาญ จิตอารีย์ อายุ – ปี เจ้าของรถยนต์ทะเบียน กจ-4185 แพร่ นายเจริญ จิตอารีย์ อายุ ปี ขับรถบรรทุกไม้ โตโยต้า สีเทา ทะเบียน บน-3330 น่าน บท-8307 น่าน นายชาญชนะ แสนบ่อ อายุ 25 ปี ขับรถบรรทุกไม้ โตโยต้าสีขาว ทะเบียน ฒร-401 กทม(ยต-3947 เชียงใหม่ นายปรีชา สุภาแก้ว อายุ 40 ปี คนงานในโกดัง นายวีระพงศ์ อุทุมพร อายุ 35 ปี 3. ตรวจยึดรถยนต์กระบะบรรทุกไม้ ทะเบียน บน-3330 น่าน สวมทะเบียนติดป้ายทะเบียน บท-8307 น่าน ทะเบียน ฒร-401 กทม. สวมทะเบียนติดป้ายทะเบียน ยต-3947 เชียงใหม่ รถยนต์กระบะ 4 ประตู ทะเบียน กจ-4185 แพร่ รวมจำนวน 3 คัน ยึดเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง ตรวจยึดอาวุธปืนลูกซองยาวจำนวน 1 กระบอก ปืน .22 จำนวน 1 กระบอก ปืนแก๊ปไทยประดิษฐ์ จำนวน 2 กระบอก ตรวจยึดมือถือ จำนวน 5 เครื่อง เหตุเกิดที่บริเวณโกดัง บ้านแดนพนา หมู่ที่ 7 ต.ไชยวัฒนา อ.ปัว จ.น่าน
นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ พญาเสือ เปิดเผยว่า การจับกุม ตรวจยึด ครั้งนี้สืบเนื่องจากขยายผล ติดตามจับกุมขบวนการทำไม้ส่งข้ามชาติ ของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งมีแหล่งที่มาของไม้จาก อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตย์ อ.ปง จ.พะเยา นำมาพักรวมกันไว้ในที่เกิดเหตุท้องที่ อำเภอปัว จ.น่าน เพื่อเตรียมส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จากการขยายติดตามจนทราบว่า มีการลักลอบตัดโค่นไม้ แปรรูปไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อลักลอบขนย้ายออกนอกพื้นที่ในท้องที่ บริเวณป่าห้วยน้ำคาง ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยม อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าขุนน้ำยม บริเวณที่ได้รับแจ้งจะต้องเดินทางผ่านทางบ้านสบขุ่น หมู่ที่ 7 ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน ซึ่งมีเส้นทางสามารถเข้าไปบริเวณดังกล่าวได้ จึงได้นำกำลังเข้าลาดตระเวนตรวจสอบโดยใช้รถจักรยานยนต์และการเดินเท้าตรวจพบ ไม้หวงห้ามท่อน ไม้ตุ้ม ไม้มะค่าโมงแห้งล้มหมอน ไม้ชิงชันแปรรูป ไม้แดงแปรรูป พบการตัดไม้เป็นท่อนๆขนาดสั้น คาดว่าตัดทำเป็นไม้ฟืน จากนั้นแจ้งให้ นายชัยชาญ ศรียงค์ หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกัน ปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ เห็นว่ามีไม้มีค่าทางเศรษฐกิจไม้ชิงชันแปรรูป อยู่ในบริเวณดังกล่าว คาดว่าเป็นไม้ที่มีการสั่งซื้อจากกลุ่มนายทุน เพื่อติดตาม จับกุมให้ถึงกลุ่มนายทุน ที่อยู่เบื้องหลัง จึงสั่งการเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 5 สปป.3 ภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2565 เวลา 11.23 น. จึงได้ติดตามเข้าตรวจค้น บริเวณโกดัง อาคาร ไม่ทราบเลขที่ บ้านแดนพนา หมู่ที่ 7 ต.ไชยวัฒนา อ.ปัว จ.น่าน
วันที่ 7 มีนาคม 2565 เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าขอหมายค้นต่อศาล จ.น่าน สาขาปัว ซึ่งมีเหตุสมควรให้ค้นสถานที่ดังกล่าว สนธิกำลังเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นเพื่อตรวจยึดจับกุมบริเวณโกดัง อาคารดังกล่าว เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุได้พบ ชาย 2 คนได้แสดงตัวเป็นเจ้าของโกดัง สถานที่ ทราบชื่อภายหลัง นายจรัญ จิตอารีย์ นายชำนาญ จิตอารีย์ 1 มีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกัน ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้นของศาล จ.น่าน สาขาปัว ต่อบุคคลดังกล่าว นายชำนาญ จิตอารีย์ เป็นผู้นำตรวจค้นสถานที่ ขณะตรวจค้นคณะเจ้าหน้าที่ตรวจพบ รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน ทะเบียน บน 3330 น่าน ทะเบียน บท 8307 น่าน โดยมีนายเจริญ จิตอารีย์ เป็นผู้ขับรถกระบะคันดังกล่าว และรถยนต์กระบะ ทะเบียน ฒร 401 กทม. ทะเบียน ยต 3947 เชียงใหม่ มีผ้าใบคลุมอยู่หลังกระบะ จึงได้ทำการตรวจค้น พบไม้แปรรูปหวงห้ามจำนวนหนึ่ง ในระหว่างตรวจค้นบริเวณโดยรอบ พบไม้แปรรูปหวงห้ามอยู่ในกองฟางข้าวลักษณะซุกซ่อนไว้อีกจำนวนหนึ่ง เป็นไม้ชิงชัน จำนวน 124 แผ่น ไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 107 แผ่น เหลี่ยม รวมไม้ของกลาง จำนวน 231 ท่อน แผ่น เหลี่ยม เลื่อยโซ่ยนต์ขนาด 16 นิ้ว จำนวน 1 ตัว อาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนอาวุธปืนแก็ปไทยประดิษฐ์ จำนวน 2 กระบอก เจอที่ห้องน้ำบ้านพักคนงานไม่มีเลขที่ อาวุธปืนรีวอลเวอร์ขนาด .22 หมายทะเบียน จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอยู่ในโม่ จำนวน 6 นัด พบเจออยู่ในกระเป๋าสะพายวางอยู่เบาะด้านหลังคนขับของรถกระบะ ทะเบียน กจ 4185 แพร่ โดยชื่อผู้รับใบอนุญาต คือ นายหรรษา ไพศาลทรัพย์ถาวร อายุ 36 ปี พบชายอีก 3 คนในที่เกิดซึ่งให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นคนงานขนย้ายข้าวโพดในโกดังดังกล่าว ทราบชื่อภายหลัง ชื่อนายปรีชา สุภาแก้ว อายุ 40 ปี นายวีระพงศ์ อุทุมพร อายุ 35 ปี และนายอึ่ง หิรัม อายุ 46 ปี ในการตรวจค้นรถยนต์ในที่เกิดเหตุทราบภายหลังว่า มีรถยนต์กระบะซึ่งใช้ในการนำขบวนลักลอบขนไม้ ทะเบียน กจ 4185 แพร่ ซึ่งตรวจพบของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายรายการเจ้าหน้าที่จึงนำตัว นายชำนาญ จิตอารีย์ และผู้ต้องหาอีก 5 นาย พร้อมของกลางในการกระทำผิดส่ง ร.ต.อ.ประทิน ไชยยงค์ พงส.สภ.ปัว โดยมีนายสมบูรณ์ พุทธวงศ์ ตำแหน่งเจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส นายมงคล ไชยภักดี นักวิชาการป่าไม้ขำนาญการพิเศษ และนายณัฐนันท์ ปันกิน เป็นพยานแจ้งกล่าวข้อว่า กระทำความผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒ 484 มาตรา 11 ฐาน ผู้ใดทำไม้ หรือเจาะ หรือสับ หรือเผา หรือทำอันตรายด้วยประการใดๆแก่ไม้หวงห้าม ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับสัมปทานตามความในพระราชบัญญัตินี้ ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในการอนุญาต ต้องระวางโทษตาม มาตรา 73 จำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 48 ฐาน ผู้ใดมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาต ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยกฎหมาย กระทำความผิดพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ฐาน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ กระทำความผิดพระราชบัญญัติสงวน คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 67 ฐาน เมื่อได้มีประกาศของรัฐมนตรีกำหนดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าชนิดหรือประเภทใดแล้วห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการ ตัด โค่น แผ้วถาง เผา ทาลาย ต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่น หรือทำลาย ทำให้เสื่อมสภาพขุด เก็บ ซึ่งแร่ ดิน หิน กรวด ทราย ลูกรัง ของป่า หรือทรัพยากรธรรมชาติใด ๆ หรือเลี้ยงสัตว์หรือปล่อยสัตว์หรือสัตว์ป่า หรือเปลี่ยนแปลงทางน้ำ หรือทำให้น้ำในลำน้ำ ลำห้วย หนอง บึง ท่วมท้น หรือเหือดแห้ง เป็นพิษหรือเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือเมื่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า พันธุ์พืชได้ประกาศอนุญาตไว้เป็นคราว ๆ ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งหนึ่งแห่งใดโดยเฉพาะ มาตรา 103 เป็นการกระทำ แก่ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ตามฤดูกาลและมีมูลค่ารวมกันไม่เกินสองพันบาท ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท กระทำความผิดพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4 ฐาน ห้ามมิผู้ใดมี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาต จากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ มาตรา 17 ฐาน ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตราสี่ วรรคหนึ่งหรือวรรคสี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้ศาลสั่งริบเลื่อยโซ่ยนต์นั้น การกระทำผิด กระทำความผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2545 มาตรา 7 ฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ห้ามมิให้ผู้ใดมีเครื่องกระสุน ซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ตนได้รับใบอนุญาตให้มีหรือใช้ ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=czEeOUtguZk[/embedyt]
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น
โทร. 0848084888