กาญจนบุรี – รวบครบแก๊ง 2 อดีตตำรวจ ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าที่ชิงทรัพย์พ่อค้าน้ำเต้าหู้ นำตัวไปชี้จุดทำแผนทั้ง 2 ไม่ปริปากพูดใดๆ ความคืบหน้า การติดตามจับกุมตัว 2 คนร้ายที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อเหตุใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ชิงทรัพย์ นายจีรวัตร ชำนาญเวช อายุ 25 ปี พ่อค้าน้ำเต้าหู้ ก่อนจะได้ทรัพย์สินเป็นรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีขาว ยี่ห้อ Toyota ซึ่งเป็นของนายจีรวัตร พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือและเงินสดจำนวน 3,000 บาท หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.30 นาฬิกา วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 นั้น
ล่าสุดวันนี้ 27 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจภูธรท่าเรือ พลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วยพลตำรวจตรี ไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันแถลงผลการจับกุม 2 ผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าว ผู้ต้องหารายที่ 1 คือดาบตำรวจบรรเทิง แตงอ่อน หรือ ดาบเทิง อายุ 51 ปี อดีตนายดาบตำรวจสังกัดสถานีตำรวจภูธรท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนรายที่ 2 คือ ดาบตำรวจปฏิวัติ บรรเทิงสมหวัง หรือ ดาบท็อป อายุ 50 ปี อดีตนายดาบตำรวจสังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ก่อนแถลงข่าวทาง ผบช.ภาค 7 ได้พูดคุยกับทั้ง 2 ราย จากนั้นลงไปแถลงข่าวโดยไม่มีผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ร่วมแถลงด้วย
หลังจากที่ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้แถลงเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีท่าเรือ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เดินทางไปชี้จุดที่เกิดเหตุเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ สื่อมวลชนพยายามเข้าไปสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย แต่ได้ถูกทางเจ้าหน้าที่กันไม่ให้มีการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย และผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้สวมหมวกนิรภัยปิดบังใบหน้าตลอดเวลา และก็ไม่ยอมปริปากพูดใดๆ กับสื่อด้วยเช่นกัน โดยการนำตัวทั้ง 2 ไปชี้จุดที่ก่อเหตุทั้ง 3 จุด โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบกันประชาชน บางจุดมีประชาชนเดินปรีเข้าไปเพื่อจะทำร้ายด้วยความโกรธแค้นบอกว่าทำคนที่เข้าทำมาหากินโดยสุจริตได้ แต่ถูกทางเจ้าหน้าที่รีบนำผู้ต้องหา เดินออกไปจากจุดไปขึ้นรถออกไปทันที โดยการชี้จุดทั้ง 3 จุดใช้เวลาประมาณไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วนำตัวกลับไปยัง สภ.ท่าเรือ
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับชุดสืบสวนภูธรท่าเรือ ได้ดำเนินการสืบสวนติดตามรถยนต์กระบะของผู้เสียหายที่ถูกชิงไป กระทั่งพบว่า รถคันดังกล่าว ถูกขับไปจอดทิ้งไว้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีดาบเทิง เป็นผู้ขับรถนำไปจอดทิ้งไว้ ส่วนตัวของ ดาบเทิงเอง ได้ขึ้นรถโดยสารมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ ก่อนจะถูก สกัดจับเอาไว้ได้ในพื้นที่ของสถานีตำรวจภูธรสบปราบ จังหวัดลำปาง และนำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าเรือ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนดาบตำรวจปฏิวัติ หรือดาบท็อป เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ตัวเมืองกาญจนบุรีใกล้เคียงกับสะพานข้ามแม่น้ำแควพล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ก่อเหตุทั้งสองคน ให้ข้อมูลว่า ที่ตัดสินใจลงมือก่อเหตุ เนื่องจากมีปัญหาด้านการเงิน จึงมาร่วมมือกันลงมือก่อเหตุ โดยเลือกเหยื่อเป็นรถที่มีสภาพใหม่เพื่อจะสามารถนำไปขายให้ได้ราคา เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ร่วมกันดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนในข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน โดยมีอาวุธ โดยแต่งเครื่องแบบตำรวจ โดยร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรอง เพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในกาย ข้อหารวมกันแต่งกาย โดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายตำรวจทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นตำรวจเพื่อกระทำความผิดอาญา ข้อหาร่วมกันสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ์เพื่อกระทำความผิดอาญา และข้อหาร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น และข้อหาร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร จากการตรวจสอบประวัติของผู้ก่อเหตุทั้งสองคน พบว่า ดาบเทิง มีประวัติ ก่อคดียิงคนตาย 2 ศพในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และถูกให้ออกจากราชการตำรวจเมื่อปี 2560 ขณะที่ ดาบท็อป มีประวัติเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตัวพันกับยาเสพติด ก่อนจะลาออกจากการเป็นตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีเมื่อปี 2564 ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุทั้งสองคน ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมการลงมือก่อเหตุจริง โดยได้ไปขอยืมรถยนต์เก๋งสีดำซึ่งเป็นรถของลูกชายดาบเทิง และขอยืมรถจักรยานยนต์ จากบ้านแม่ยายของดาบเทิง เพื่อนำมาใช้ในการก่อเหตุ โดยสาเหตุที่เลือกรถของพ่อค้าน้ำเต้าหู้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นรถที่มีสภาพใหม่น่าจะขายได้ราคา โดยไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งใดๆกับพ่อค้าน้ำเต้าหู้รายนี้มาก่อน
พล.ต.ท.ธนายุตม์ ยังได้กล่าวว่า รัตติกาลของผู้ต้องหาทั้งสองคนซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือว่าเป็นภัยของสังคม ไม่สามารถปล่อยให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้ จะต้องถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด ซึ่งนอกจากความผิดในข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์แล้ว จะได้ให้ชุดสืบสวนดำเนินการสืบสวนขยายผลว่า ดาบเทิง มีเพื่อนร่วมขบวนการหรือไม่ เพื่อจะได้ขยายผลนำตัวมาดำเนินคดีให้ครบทั้งหมดพร้อมกันดี ยังได้ฝากไปถึงประชาชนหากพบว่ามีผู้ที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาตั้งด่านตรวจ ในช่วงเวลากลางคืน และสงสัยว่าอาจจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ก็สามารถ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปแล้วโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้เข้าไปตรวจสอบได้ทันที มีเสียง ผบช.ภาค 7 และ ผบก.ตร.ภูธรจังหวัดกาญจนบุรี[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=ueUAS7OXHe4[/embedyt]
ข่าวภูมภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ / ปรีชา ไหลวารินทร์ – รายงาน