กาญจนบุรี – หลังจากข่าวลือสนั่น กรมราชทัณฑ์ ปล่อยตัวเจ้าสัวเปรมชัยฯ คดีเสือดำทุ่งใหญ่ฯออกจากเรือนจำทองผาภูมิ ล่าสุดคณะคนของเปรมชัยเดินทางไปถึงเรือนจำทองผาภูมิ แล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหน้าเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ เงียบเหงา ไร้วี่แววญาติและทนายความของนายเปรมชัย กรรณสูต พบมีเพียงญาติของผู้ต้องขังรายอื่นเดินทางมาเยี่ยมญาติเล็กน้อยเท่านั้น และที่หน้าเรือนจำไม่ได้มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด จากการสอบถามเรื่องเวลาการปล่อยตัวนายเปรมชัยฯตามที่มีข่าวลือนั้น เจ้าหน้าที่ บอกว่าขณะนี้ยังรอคำสั่งการปล่อยตัวจากกรมราชทัณฑ์อยู่ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.มีรถยนต์ตู้และรถฟอร์จูเนอร์ สีขาว รวม 2 คัน ขับเข้าไปจอดที่บริเวณหน้าเรือนจำทองผาภูมิ โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)จำนวนหนึ่งรวมทั้งนายวิทูลย์ ยิ้มพราย คนสนิดของนายเปรมชัย กรรณสูต ร่วมเดินทางมาด้วย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ ได้ส่งกำลังมาคอยสังเกตการณ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคณะของนายวิทูรย์ ยิ้มพราย อีกด้วย จึงเชื่อว่าข่าวลือการปล่อยตัวนายเปรมชัย กรรณสูตนั้น คงเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายวิเชียร ชิณวงษ์ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี นำกำลังเข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ขณะเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ท้องที่ ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมยึดของกลาง ประกอบด้วย ซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เหตุเกิดระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ. 2561 ตลอดเวลานายเปรมชัย กรรณสูต ได้ยื่นประกันในชั้นศาลเพื่อต่อสู้คดี เริ่มตั้งแต่ศาลชั้นตน ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาโดยวันที่ 8 ธ.ค.64 ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้นัดอัยการทองผาภูมิ(โจทก์)และจำเลยทั้ง 4 ราย มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษา สั่งจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต โดยแก้โทษจาก 2 ปี 14 เดือน ที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาไว้ เหลือ 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ชดใช้เงิน 2 ล้านบาท ทำให้นายเปรมชัยถูกนำตัวเข้าเรือนจำทันที ส่วนจำเลยที่ 2 นายยงค์ โดดเครือ (คนขับรถ) จำคุก 2 ปี 9 เดือน จำเลยที่ 3 นางนที เรียมแสน (แม่ครัว) จำคุก 1 ปี 8 เดือน รอลงอาญา 2 ปี (ไม่ได้ฎีกา) จำเลยที่ 4 นายธานี ทุมมาศ (นายพราน) จำคุก 2 ปี 13 เดือน แต่จำเลยที่ 1-3 ได้ลดโทษคนละ 8 เดือน จาก พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าที่แก้ไขใหม่เมื่อปี 2562
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 อยู่ในเรือนจำทองผาภูมิ ปรากฏว่านายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งอยู่แล้ว อาการทรุดลง เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ทองผาภูมิ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครปฐม แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเช่นเดิม โดยนายธานี ทุมมาศ ได้เสียชีวิตลงช่วงกลางเดือน ก.ค.2564 ญาติได้นำศพไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์(โป่งปัด) หมู่ 3 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่เป็นบ้านเกิดของนายธานี ทำให้คดีดังกล่าวเหลือจำเลยที่อยู่ในเรือนจำ 2 คนคือจำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2การที่นายเปรมชัยฯ จำเลยที่ 1 ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 14 เดือน นายยงค์ โดดเครือ (คนขับรถ)จำเลยที่ 2 ถูกศาลฯพิพากษาจำคุก 2 ปี 17 เดือน และนายธานี ทุมมาศ (นายพราน)จำเลยที่ 4 จำคุก 2 ปี 21 เดือน แต่ต่อมาได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ.2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2 ลดโทษจำคุกให้คนละ 8 เดือน คงจำคุกจำเลยที่ 1 2 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 9 เดือน และจำเลยที่ 4 (เสียชีวิต)คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน
หากนับระยะเวลาการจำคุกของจำเลยทั้งสาม ตั้งแต่วันพิพากษาคือวันที่ 8 ธ.ค.2564 นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 ก็จะพ้นจากเรือนจำประมาณ วันที่ 8 มิ.ย.2567 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 จะพ้นจากเรือนจำประมาณวันที่ 8 ก.ย.2567 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 (เสียชีวิต)จะพ้นจากเรือนจำประมาณวันที่ 8 ม.ค.2568ล่าสุดมีข่าวว่าเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้มีการประชุมพิจารณาเกี่ยวกับคดีของนายเปรมชัย กรรณสูต ลือว่าจะมีการปล่อยตัวนายเปรมชัย ออกจากเรือนจำทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ภายในวันนี้ 17 ต.ค.2566 ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร จะรายงานให้ทราบต่อไป และเมื่อเวลา 11.00 น. คณะรถของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางไปถึงเรือนจำทองผาภูมิ โดยไม่ให้รายละเอียดใดๆกับสื่อมวลชน
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ – รายงาน