กาญจนบุรี – ตร.คาดส่งสำนวนคดี 5 นายพรานล่าแล่เนื้อถลกหนัง 2 เสือโคร่งป่า อช.ทองผาภูมิ ถึงมืออัยการได้ภายในอาทิตย์นี้ ความคืบหน้ากรณี 5 นายพราน นำซากวัวมาเป็นเหยื่อล่อสัตว์ออกจากป่า แล้วใช้ปืนยิงเสือโคร่ง 2 แม่ลูกตายไป 2 ตัว แล้วนำมาแร่เนื้อถลกเอาหนัง เหตุเกิดภายในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติเขาช้างเผือก บริเวณป่าห้วยปิล๊อก หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีช่วงวันที่ 8-11 ม.ค.2565 วันที่ 13 ม.ค. นายกูกือ ยินดี อายุ 37 ปี นายจอแห่ง พนารักษ์ อายุ 38 ปี นายศุภชัย เจริญทรัพย์ อายุ 34 ปี นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ อายุ 30 ปี น้องชายนายศุภชัย และนายนายโซเอ ไม่มีนามสกุล อายุ 66 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านปิล๊อกคี่ ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ
และวันที่ 14 ม.ค.พนักงานสอบสวนได้นำตัว 5 ผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ต่อมาวันที่ 15 ม.ค. 65 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนออกไป ในวงเงินคนละ 100,000 บาท ระหว่างนี้พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดทองผาภูมิพิจารณาสั่งฟ้อง ในกรอบเวลา ไม่เกิน 7 ผัด ผัดละ 12 วัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ 15 มี.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามนายกฤตศิลป ช่วยศรี อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ทราบว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.65 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ได้มีการนัดหมายพนักงานอัยการในการส่งสำนวนส่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายพนักงานสอบสวน ได้ขอเลื่อนการส่งสำนวนซึ่งอาจจะเป็นเพราะหลักฐานที่ใช้ในสำนวนนั้นอาจจะยังไม่ครบจึงขอเลื่อนออกไป พ.ต.อ.สันติ พิทักษ์สกุล ผกก.สภ.ทองผาภูมิ กล่าวว่า สาเหตุที่ล่าช้าเพราะพนักงานสอบสวนต้องรอหลักฐานหลายอย่างเพื่อนำมาประกอบสำนวนในคดี และล่าสุดพนักงานสอบสวนได้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ใกล้จะครบถ้วนแล้ว คาดว่าภายในอาทิตย์จะสามารถส่งสำนวนให้กับอัยการในการพิจารณาสั่งฟ้องได้ ส่วนจะเป็นวันที่เท่าไหร่นั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ถูกแจ้งความดำเนินคดีใน 11 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ 3.ร่วมกันเก็บหาของป่าอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาต4.ร่วมกันล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติ
5.ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติ 6.ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ 7.ยิงปืนทำให้เกิดระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิงในเขตอุทยานแห่งชาติ 8.ร่วมกันทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ในเขตอุทยานแห่งชาติ 9.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 10.ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 11.ข้อหาฐาน นำ หรือปล่อยวัว เข้าไปในอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต
ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี